ในยุคที่การค้าโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภาษีศุลกากร (Tariff) กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้ส่งออกไทยไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอย่าง “สหรัฐอเมริกา” ซึ่งเป็นตลาดหลักของสินค้าหลายประเภทจากประเทศไทย เช่น อาหารแปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ และสิ่งทอ ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ มีบทบาทโดยตรงต่อ “ต้นทุนการส่งออก” และ “ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย” หากผู้ประกอบการไม่เข้าใจระบบภาษีนี้อย่างถูกต้อง อาจส่งผลให้เสียภาษีเกินจำเป็น หรือพลาดโอกาสใช้สิทธิพิเศษทางภาษีที่ช่วยลดต้นทุนได้อย่างมาก
ภาษีศุลกากร (Tariff) คืออะไร?
ภาษีศุลกากร คือ ภาษีที่ประเทศผู้นำเข้าเรียกเก็บจากสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ:
- ปกป้องผู้ผลิตภายในประเทศจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
- เพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาล
- ควบคุมปริมาณการนำเข้าสินค้าบางประเภท
ในกรณีของ สหรัฐอเมริกา การกำหนดอัตราภาษีศุลกากรอยู่ภายใต้ U.S. Harmonized Tariff Schedule (HTS) ซึ่งระบุรหัสสินค้า (HS Code) และอัตราภาษีอย่างละเอียด ผู้ประกอบการไทยจึงต้องระบุ HS Code ของสินค้าให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการผ่านศุลกากรหรือการเสียภาษีผิดพลาด
🇺🇸 ระบบภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่ผู้ประกอบการไทยควรรู้
- อัตราภาษีทั่วไป (General Tariff)
คืออัตราภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดสำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศที่ไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางการค้า โดยอัตรานี้อาจสูงถึง 20–30% ของมูลค่าสินค้า
- สิทธิพิเศษทางภาษี (GSP – Generalized System of Preferences)
ประเทศไทยเคยได้รับสิทธิ GSP จากสหรัฐฯ ซึ่งช่วยลดหรือยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้ากว่า 3,000 รายการ
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ระงับสิทธิ GSP ของไทยตั้งแต่ปี 2563 โดยให้เหตุผลเรื่อง “มาตรฐานแรงงานและทรัพย์สินทางปัญญา” แม้ปัจจุบันยังไม่มีการคืนสิทธิ แต่ผู้ส่งออกควรติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะหากมีการฟื้นสิทธิ GSP จะช่วยลดต้นทุนภาษีได้หลายเท่าตัว
- ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping Duty)
ภาษีประเภทนี้จะถูกเรียกเก็บหากพบว่าสินค้านำเข้าจากไทยมีราคาต่ำกว่าตลาดในประเทศสหรัฐฯ ตัวอย่างเช่น กรณี ยางล้อรถยนต์จากไทย ที่ถูกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดในปี 2021 ส่งผลให้ผู้ส่งออกหลายรายต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มกว่า 10–20%
👉 บทเรียน: ก่อนส่งออก ควรตรวจสอบราคาตลาดและเอกสารต้นทุนให้สอดคล้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบย้อนหลังจาก U.S. Department of Commerce
ตัวอย่างการคำนวณภาษีศุลกากรเบื้องต้น
กรณีตัวอย่าง:
บริษัท A ในไทยส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าไปยังรัฐแคลิฟอร์เนีย มูลค่าสินค้า 50,000 USD
HS Code สินค้า = 8516.50.00
อัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ = 5%
การคำนวณภาษี:
ภาษีศุลกากร = 50,000 × 5% = 2,500 USD
นอกจากนี้ยังอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมท่าเรือ (Port Fee), ค่าขนส่งภายในประเทศ, และค่า Broker Service ที่ช่วยดำเนินพิธีการศุลกากร
📊 ตารางสรุปประเภทภาษีศุลกากรที่กระทบต่อผู้ส่งออกไทย
ประเภทภาษี | รายละเอียด | ตัวอย่างสินค้าไทย | แนวทางการจัดการ |
ภาษีทั่วไป (General Tariff) | ภาษีพื้นฐานตาม HTS | เครื่องใช้ไฟฟ้า, เสื้อผ้า | ตรวจสอบ HS Code ให้ถูกต้อง |
GSP | ยกเว้น/ลดภาษีสำหรับประเทศกำลังพัฒนา | ของตกแต่งบ้าน, อาหารแปรรูป | ติดตามสถานะสิทธิ GSP ไทย |
Anti-Dumping | ป้องกันการขายต่ำกว่าตลาด | ยางรถยนต์, เหล็ก | แสดงต้นทุนการผลิตโปร่งใส |
Countervailing Duty | ภาษีตอบโต้เงินอุดหนุน | สินค้าอุตสาหกรรม | หลีกเลี่ยงการรับเงินอุดหนุนผิดกฎหมาย |
แนวโน้มปี 2025: ทิศทาง ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
ปี 2025 ถือเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวหลังวิกฤตอัตราดอกเบี้ยสูงและสงครามการค้า
สหรัฐฯ มีแนวโน้ม:
- ปรับนโยบาย “Friend-Shoring” เพื่อสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานจากประเทศพันธมิตร เช่น ไทย
- เพิ่มความเข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อม (Green Tariff)
- สนับสนุนสินค้าที่มีคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Product)
การวางแผนภาษีศุลกากรช่วยลดต้นทุนโดยตรงและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ
Fahthong Accounting แนะนำหลักการง่าย ๆ ดังนี้
- ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ทางภาษี (FTA / GSP) หากสินค้าของคุณอยู่ในหมวดที่ได้รับสิทธิพิเศษ เช่น เขตการค้าเสรีไทย–สหรัฐฯ (ที่กำลังอยู่ระหว่างเจรจา) หรือ GSP ให้ยื่นเอกสารรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form A) เพื่อขอลดหย่อนภาษี
- วางแผนโลจิสติกส์และท่าเรือปลายทาง บางท่าเรือในสหรัฐฯ มีระบบตรวจสินค้าที่เข้มงวดกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้สินค้าถูกประเมินภาษีสูงขึ้น การเลือกท่าเรือปลายทางอย่างรอบคอบสามารถช่วยลดภาษีและค่าใช้จ่ายด้านพิธีการได้
- เตรียมเอกสารศุลกากรอย่างถูกต้อง ใบกำกับสินค้า (Invoice), ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO), Packing List และ Bill of Lading ต้องมีข้อมูลตรงกันทั้งหมด มิฉะนั้นอาจถูกเรียกตรวจสอบและเสียค่าปรับเพิ่มเติม
ผู้ประกอบการไทย ที่วางแผนล่วงหน้า เช่น ใช้วัสดุรีไซเคิล หรือแสดงข้อมูล Carbon Footprint ของสินค้า จะมีโอกาสได้ภาษีศุลกากรที่ “เป็นมิตร” มากขึ้นในอนาคต
💬 ข้อแนะนำสำหรับผู้ส่งออกไทย
- ตรวจสอบ HS Code ให้ถูกต้อง
ใช้ข้อมูลจากS. International Trade Commission (USITC) เพื่อป้องกันการเสียภาษีผิดอัตรา ผู้ประกอบการไทยสามารถตรวจสอบอัตราภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ได้จากเว็บไซต์ทางการของรัฐบาลสหรัฐฯ: 👉 https://hts.usitc.gov/ - เตรียมเอกสารครบถ้วน
เช่น ใบกำกับสินค้า (Invoice), ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin: Form A) - วางแผนภาษีล่วงหน้า
ผู้ประกอบการควรทำงานร่วมกับสำนักงานบัญชีหรือที่ปรึกษาภาษีที่เข้าใจทั้งกฎหมายไทยและต่างประเทศ
🧾 สรุปสาระสำคัญ
หัวข้อ | สิ่งที่ควรรู้ |
ภาษีศุลกากรคืออะไร | ภาษีที่ประเทศผู้นำเข้าเก็บจากสินค้านำเข้า |
ไทย–สหรัฐฯ ปี 2025 | มีโอกาสขยายตัว แต่ต้องเตรียมพร้อมเรื่องภาษี |
สิทธิ GSP | ไทยยังถูกระงับสิทธิ แต่คาดอาจมีการพิจารณาใหม่ |
คำแนะนำ | ตรวจสอบ HS Code, ใช้ที่ปรึกษาภาษี, วางแผนล่วงหน้า |
🤝 ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษีต่างประเทศ
หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่ต้องการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ แต่ยังไม่มั่นใจเรื่อง ภาษีศุลกากร, เอกสารนำเข้า–ส่งออก, หรือวางแผนภาษีระหว่างประเทศ,
ขอแนะนำให้ปรึกษา สำนักงานฟ้าทอง แอคเคาน์ติ้ง แอนด์ ออดิท จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านภาษีระหว่างประเทศและบัญชีธุรกิจส่งออกโดยเฉพาะ
📍 ที่อยู่: 311/2 หมู่ที่ 6 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
📞 โทร: 094-981-2888 , 093-379-8488
📧 E-mail: fahthongacc@gmail.com
💬 LINE: @fahthongacc
🌐 เว็บไซต์: https://fahthongacc.com
🔖 อ้างอิง
- S. International Trade Commission (2025). Harmonized Tariff Schedule of the United States (HTSUS). https://hts.usitc.gov
- S. Department of Commerce – International Trade Administration. Trade Policy Information on Thailand.
- กรมศุลกากร (2567). แนวทางการจัดเก็บภาษีศุลกากรในต่างประเทศ.
- World Bank (2024). Global Trade Outlook Report 2024–2025.