ภาษีกำไรจากสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) กับแนวทางการยกเว้นภาษี 2025

ในยุคดิจิทัล การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin, Ethereum, Token หรือ NFT ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศไทย การถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถสร้างผลตอบแทนสูง แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อกฎหมายด้านภาษีที่ผู้ลงทุนและผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจ หากละเลยหรือไม่วางแผนภาษีอย่างรอบคอบ อาจทำให้ต้องเสียภาษีย้อนหลัง รวมถึงค่าปรับจากกรมสรรพากร บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ถือครองทั่วไปและผู้ประกอบการเข้าใจภาพรวมของ ภาษีกำไรจากสินทรัพย์ดิจิทัล  พร้อมตัวอย่างการคำนวณหลายกรณี และแนวทางวางแผนภาษีเชิงลึกในปี 2025

ภาพรวมของ ภาษีกำไรจากสินทรัพย์ดิจิทัล

สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นรูปแบบสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตลาดการเงินดิจิทัล การซื้อขายสินทรัพย์เหล่านี้ถือเป็นการสร้างรายได้ที่กฎหมายไทยมองว่าเป็น เงินได้พึงประเมิน (Income subject to tax) การไม่แจ้งรายได้หรือไม่วางแผนภาษีอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงทางกฎหมายและภาระทางการเงิน

สำหรับผู้ถือครองทั่วไปที่ถือสินทรัพย์เพื่อการลงทุนส่วนบุคคล การขายบางกรณีอาจได้รับการยกเว้นภาษี แต่หากเป็นผู้ประกอบการหรือแพลตฟอร์มซื้อขาย กำไรจากการขายจะถือเป็น รายได้ธุรกิจ และต้องเสียภาษีเต็มรูปแบบ

การเข้าใจหลักเกณฑ์ทางกฎหมายและการวางแผนภาษีล่วงหน้าจะช่วยให้ผู้ลงทุนและผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

กฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ภาษีกำไรจากสินทรัพย์ดิจิทัล 

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 และ 42 กำไรจากสินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็น เงินได้พึงประเมิน ซึ่งต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อย่างไรก็ตาม กฎหมายยังเปิดช่องให้ผู้ถือครองทั่วไปที่ถือครองเพื่อการลงทุนส่วนตัวได้รับ การยกเว้นภาษี ในกรณีที่ไม่ได้ขายอย่างต่อเนื่องจนเหมือนการประกอบธุรกิจ

ในทางปฏิบัติ หากนักลงทุนขายสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เกิน 1-2 ครั้งต่อปีเพื่อการลงทุนส่วนตัว และเก็บหลักฐานการซื้อขายครบถ้วน การขายนั้นอาจได้รับการยกเว้นภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล

สำหรับบริษัทหรือผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กำไรจากการขายถือเป็น รายได้ของบริษัท ซึ่งต้องเสีย ภาษีนิติบุคคล (Corporate Income Tax) อัตรา 20% ของกำไรสุทธิ โดยผู้ประกอบการควรจัดทำบัญชีอย่างละเอียดเพื่อแยกกำไรและขาดทุนจากธุรกิจและบัญชีสินทรัพย์ส่วนตัว

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

สินทรัพย์ดิจิทัลทั่วไปไม่ใช่สินค้าหรือบริการที่เสีย VAT แต่แพลตฟอร์มซื้อขายหรือผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนอาจอยู่ในขอบเขต VAT หากมีการให้บริการแลกเปลี่ยนหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลในเชิงพาณิชย์

ประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลและผลทางภาษี

เพื่อให้เข้าใจง่าย สามารถแบ่งสินทรัพย์ดิจิทัลเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ

  1. Cryptocurrency เช่น Bitcoin, Ethereum
    กำไรจากการขายถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือบริษัท
  2. Token / ICO เช่น Utility Token หรือ Security Token
    กำไรต้องนำมาคำนวณภาษีตามลักษณะโทเคน หากเป็น Security Token อาจมีลักษณะคล้ายหุ้น
  3. NFT (Non-Fungible Token) เช่น งานศิลปะดิจิทัล หรือ Collectibles
    กำไรจากการขายถือเป็นเงินได้พึงประเมิน หากขายเพื่อธุรกิจต้องเสียภาษีเต็มรูปแบบ

สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่ถือครองเพื่อการลงทุนส่วนตัว กำไรบางกรณีอาจได้รับ การยกเว้น แต่หากขายจำนวนมากหรือเป็นแพลตฟอร์ม จะต้องเสียภาษีเต็มรูปแบบ

การคำนวณภาษี

กรณีผู้ถือครองทั่วไป

ตัวอย่างเช่น นักลงทุนซื้อ Bitcoin 1 BTC ราคา 500,000 บาท และขาย 550,000 บาท กำไร 50,000 บาท หากถือเพื่อการลงทุนส่วนตัวและเข้าหลักเกณฑ์การยกเว้น → อาจไม่เสียภาษี

แนวทางปฏิบัติคือ เก็บหลักฐานการซื้อขายทั้งหมด และตรวจสอบให้แน่ชัดว่าการขายไม่ได้ทำเป็นธุรกิจ

กรณีผู้ประกอบการหรือแพลตฟอร์ม

ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มขาย Bitcoin 10 BTC มูลค่า 5,500,000 บาท กำไร 500,000 บาท ภาษีนิติบุคคล 20% → ต้องชำระ 100,000 บาท

แนวทางวางแผนคือ จัดทำบัญชีอย่างละเอียด แยกธุรกรรมลูกค้าออกจากธุรกรรมบริษัท และแจ้งกำไรต่อกรมสรรพากรอย่างถูกต้อง

กรณี NFT และ Security Token

เช่น ขาย NFT มูลค่า 200,000 บาท กำไร 100,000 บาท กฎหมายถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมิน ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล

หากขายในตลาดรอง (Secondary Market) นักลงทุนทั่วไปอาจมีสิทธิ์ยกเว้นบางส่วน แต่ต้องตรวจสอบรายละเอียดของประกาศกรมสรรพากร

แนวทางการยกเว้นและวางแผนภาษีเชิงลึก

  1. ถือครองเพื่อการลงทุนส่วนตัว
    • หลีกเลี่ยงการซื้อขายจำนวนมากจนเหมือนธุรกิจ
    • เก็บหลักฐานการซื้อขายทั้งหมด
  2. จัดระบบบัญชีอย่างชัดเจน
    • แยกบัญชีสินทรัพย์ส่วนตัวและธุรกิจ
    • ใช้โปรแกรมบัญชีหรือระบบติดตามมูลค่าตลาด
  3. วิเคราะห์ประเภทสินทรัพย์
    • Cryptocurrency ที่ถือครองส่วนตัวอาจไม่เสียภาษี
    • NFT หรือ Security Token ต้องตรวจสอบเงื่อนไขการลงทุน
  4. วางแผนการขายและช่วงเวลา
    • การขายในปีเดียวกับการซื้ออาจทำให้กำไรสูง → ภาษีสูง
    • การขายเป็นงวดสามารถลดผลกระทบภาษี
  5. ใช้สิทธิ์ยกเว้นและมาตรการทางกฎหมาย
    • ตรวจสอบประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล
    • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการขาย
  6. สำหรับผู้ประกอบการ
    • แยกบัญชีลูกค้าชัดเจน
    • แจ้งรายได้และกำไรอย่างถูกต้อง
    • วางแผน VAT หากให้บริการแพลตฟอร์ม

ตัวอย่างคำนวณหลายกรณี

  1. นักลงทุนทั่วไปขาย Bitcoin
    • ซื้อ: 2 BTC × 500,000 = 1,000,000 บาท
    • ขาย: 2 BTC × 550,000 = 1,100,000 บาท
    • กำไร 100,000 บาท → ยกเว้นภาษีเงินได้
  2. นักลงทุนทั่วไปขาย NFT
    • ซื้อ NFT 50,000 บาท
    • ขาย 80,000 บาท
    • กำไร 30,000 บาท → ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  3. บริษัทขาย Token
    • ซื้อ Token 1,000,000 บาท
    • ขาย 1,500,000 บาท
    • กำไร 500,000 บาท → ภาษีนิติบุคคล 20% = 100,000 บาท
  4. แพลตฟอร์มขายหลายสินทรัพย์
    • กำไรรวมจากลูกค้า 5,000,000 บาท
    • ภาษีนิติบุคคล 20% = 1,000,000 บาท
    • ต้องจัดทำบัญชีแยกชัดเจนและยื่นภาษีตามกำหนด

ข้อควรระวัง

  • การขายจำนวนมากอาจถูกตีความเป็นธุรกิจ → เสียภาษีเต็มรูปแบบ
  • การแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลเป็นเงินบาทอาจต้องเสียภาษีธุรกรรมเพิ่มเติม
  • เก็บหลักฐานการซื้อขายและการถือครองให้ครบถ้วน
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงภาระภาษีย้อนหลัง

คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุน

  • ติดตามประกาศกรมสรรพากรและข่าวสารเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล
  • ทำบัญชีและระบบติดตามสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล
  • วางแผนภาษีล่วงหน้า โดยเฉพาะการขาย NFT, Token, หรือ Cryptocurrency
  • ใช้สิทธิ์ยกเว้นสำหรับการถือครองส่วนตัว
  • ให้คำปรึกษาลูกค้าและพนักงานหากเป็นแพลตฟอร์ม

 

ติดต่อ Fahthong Accounting

หากคุณต้องการ วางแผนภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล หรือการยื่นภาษีบุคคล/นิติบุคคล สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ Fahthong Accounting

📍 ที่อยู่: 311/2 หมู่ที่ 6 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
📞 โทร: 094-981-2888, 093-379-8488
📧 E-mail: fahthongacc@gmail.com
💬 LINE: @fahthongacc
🌐 เว็บไซต์: https://fahthongacc.com