Fahthong Accounting | ภาษีมูลค่าเพิ่มกับ กิจการให้เช่าพื้นที่ตลาดนัด

<!doctype html>

 



 

ภาษีมูลค่าเพิ่มกับ กิจการให้เช่าพื้นที่ตลาดนัด

คู่มือฉบับอ่านง่ายเพื่อให้เจ้าของตลาดนัดเข้าใจหน้าที่ด้าน VAT และการบริหารเอกสารอย่างถูกต้อง

 

 กิจการให้เช่าพื้นที่ตลาดนัด เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เป็นประจำ แต่การจัดการภาษีมูลค่าเพิ่มต้องมีความรอบคอบ หากทำถูกต้องกิจการจะเติบโตได้อย่างมั่นคงและลดความเสี่ยงจากการตรวจสอบ

ภาพรวมว่าภาษีมูลค่าเพิ่มเกี่ยวข้องกับกิจการเช่าอย่างไร

ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีที่เรียกเก็บจากการขายสินค้าและการให้บริการ ผู้ที่ประกอบกิจการในประเทศไทยและมีรายได้เกินเกณฑ์ตามกฎหมายจะต้องจดทะเบียนและนำส่งภาษี หากคุณให้เช่าพื้นที่ ให้เก็บค่าเช่า หรือเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติม เช่น ค่าทำความสะอาด ค่าพื้นที่พิเศษ รายได้เหล่านี้ถือเป็นฐานภาษีที่ต้องพิจารณา

ในมุมธุรกิจตลาดนัด รูปแบบรายได้อาจหลากหลาย ทั้งค่าเช่ารายวัน ค่าธรรมเนียมตามสัญญา และส่วนแบ่งยอดขายจากผู้ค้า ภาระหน้าที่ด้าน VAT จึงอาจตกอยู่กับเจ้าของตลาดหรือผู้บริหารพื้นที่ ขึ้นอยู่กับสัญญาและรูปแบบการรับเงิน

เมื่อใดที่ต้องจดทะเบียน VAT

โดยหลักเกณฑ์ หากรายได้รวมของกิจการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ผู้ประกอบการต้องดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด การตรวจสอบยอดขายรวมควรคำนึงถึงแหล่งรายได้ทั้งหมด เช่น ค่าเช่า ค่าบริการ และรายได้อื่นที่เกี่ยวข้อง

หลายเจ้าของตลาดมักเผชิญสถานการณ์ที่ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการขยายพื้นที่หรือมีผู้ค้าเข้ามาเพิ่ม หากไม่ติดตามยอดขายรวมอย่างสม่ำเสมอ อาจพลาดช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดให้จดทะเบียน ซึ่งจะส่งผลให้ต้องถูกประเมินย้อนหลังและเสียเบี้ยปรับ

แนวทางปฏิบัติ

  • ตรวจยอดขายรวมย้อนหลังทุกไตรมาสเพื่อประเมินว่าเข้าเกณฑ์หรือไม่
  • จัดทำบัญชีรายได้แยกประเภทเพื่อให้เห็นภาพชัด
  • หากคาดว่าจะครบเพดานใน 12 เดือนถัดไป ให้เตรียมเอกสารเพื่อจดทะเบียนล่วงหน้า

การคิด VAT ในการเรียกเก็บค่าเช่า

หลังจากจดทะเบียน VAT แล้ว ผู้ให้เช่าจะต้องเริ่มเก็บ VAT จากผู้เช่าในอัตราที่กฎหมายกำหนด ณ เวลานั้น ตามปกติอัตราที่ใช้อยู่คือ 7 เปอร์เซ็นต์ การคิด VAT อาจเป็นแบบแยกภาษีหรือรวมภาษี ขึ้นอยู่กับการตั้งราคาและการสื่อสารกับผู้เช่า

ตัวอย่างการคำนวณ

หากกำหนดค่าเช่าเป็นราคาไม่รวมหรือยังไม่รวม VAT เช่น ค่าเช่า 1,000 บาทต่อเดือน จะต้องเรียกเก็บ VAT เพิ่ม 70 บาท รวมเป็น 1,070 บาท

หากราคาถูกกำหนดรวม VAT แล้ว เช่น ประกาศว่าแผงเช่า 1,070 บาท รวม VAT ให้ใช้สูตรแยก VAT ออกคือ ฐาน = 1,070 ÷ 1.07 และ VAT = 1,070 − ฐาน

การออกเอกสารสำคัญ

เอกสารมีบทบาทสำคัญในการพิสูจน์รายได้และภาษีที่เกิดขึ้น เจ้าของตลาดควรออกเอกสารต่อไปนี้ให้ครบและเก็บรักษาไว้

  • ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ สำหรับผู้เช่าที่ต้องการนำเป็นภาษีซื้อ
  • ใบเสร็จรับเงินเมื่อรับชำระด้วยเงินสด
  • บันทึกรายวันเป็นสมุดรับจ่ายหรือระบบ POS ที่มีการเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
  • สำเนาสัญญาเช่าที่ระบุเงื่อนไขการยกเลิก ค่ามัดจำ และการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติม

ในยุคดิจิทัล แนะนำให้ใช้ระบบ e Tax Invoice และเก็บไฟล์ PDF กับ XML ไว้ในระบบคลาวด์เพื่อง่ายต่อการค้นหาและส่งต่อให้ลูกค้าที่เป็นนิติบุคคล

การยื่นแบบและการนำส่ง VAT

ผู้ประกอบการที่จดทะเบียน VAT ต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 พร้อมนำส่งเงิน VAT ภายในวันที่กำหนดของเดือนถัดไป การไม่ยื่นหรือยื่นล่าช้าอาจมีเบี้ยปรับและดอกเบี้ย ดังนั้นควรมีระบบเตือนการยื่นแบบและการชำระเงิน

แนวทางปฏิบัติที่แนะนำ

  • กำหนดผู้รับผิดชอบในการจัดเตรียมเอกสารและยื่นแบบ
  • จัดเก็บสลิปการโอนหรือสเตทเมนต์ธนาคารเป็นหลักฐานการรับชำระ
  • จัดทำรายงาน VAT payable และ VAT credit เพื่อคำนวณยอดสุทธิที่จะนำส่ง

รายได้ประเภทอื่นที่ต้องระวัง

เจ้าของตลาดอาจมีรายได้เกินจากค่าเช่า เช่น ค่าจอดรถ ค่าธรรมเนียมสำหรับการตั้งบูธพิเศษ หรือค่าทำความสะอาด รายได้เหล่านี้ถือเป็นฐานภาษีและต้องนำมาคำนวณ VAT ด้วย

นอกจากนั้น ค่ามัดจำที่หากไม่คืนเพราะความเสียหายอาจกลายเป็นรายได้จริงและต้องบันทึกเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษี

ปัญหาและข้อผิดพลาดที่มักพบ

ผู้ประกอบการตลาดนัดมักพบปัญหาดังนี้

  • ไม่แยกรายได้ตามประเภท ทำให้คำนวณ VAT ผิดพลาด
  • ไม่เก็บใบกำกับให้ครบ เมื่อตรวจสอบอาจถูกปรับ
  • ไม่ติดตามยอดรวมต่อปี จดทะเบียนล่าช้าจนโดนเรียกประเมินย้อนหลัง
  • ระบบเก็บเงินเป็นเงินสดจำนวนมาก ทำให้ตรวจสอบยาก

การลดความเสี่ยงทำได้โดยการใช้ระบบเก็บข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ และมอบหมายงานบัญชีให้ผู้เชี่ยวชาญดูแล

แนวทางปฏิบัติที่แนะนำเพื่อความเป็นระบบ

  1. ตั้งรอบตรวจยอดขายเป็นรายสัปดาห์เพื่อประเมินแนวโน้ม
  2. แยกบัญชีธนาคารธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว
  3. ใช้ระบบออกใบกำกับอิเล็กทรอนิกส์เชื่อมต่อกับบัญชี
  4. จัดทำรายงานสรุป VAT payables ทุกเดือนก่อนยื่น ภ.พ.30
  5. จัดเก็บสัญญาเช่าและเอกสารการชำระเป็นระบบ

บริการที่ Fahthong Accounting ให้สำหรับผู้ให้เช่าตลาดนัด

เราช่วยตั้งแต่เริ่มต้นจนเป็นระบบ ดังนี้

  • ที่ปรึกษาจดทะเบียน VAT และจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการจดทะเบียน
  • จัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และเทมเพลตเอกสาร
  • บริการบัญชีรายเดือน และจัดทำรายงาน VAT เพื่อยื่น ภ.พ.30
  • ออกแบบระบบรับชำระเงินและการเก็บเอกสารให้ป้องกันการสูญหาย
  • สอนและอบรมพนักงานตลาดนัดเรื่องการออกใบเสร็จและการเก็บเอกสาร

ตัวอย่างเคสปรับปรุงระบบจริง

ลูกค้ารายหนึ่งมีตลาดขนาดกลาง รับคนเช่าประมาณ 120 แผงต่อวัน พวกเขาไม่มีระบบออกใบกำกับและเก็บเป็นเงินสดทั้งหมด ทำให้ยากต่อการยื่นภาษีเมื่อมีการขยายโซน เราช่วยพัฒนาระบบออกใบกำกับอิเล็กทรอนิกส์เชื่อมกับระบบรับชำระ พร้อมฝึกอบรมพนักงาน ทำให้การยื่นภาษีและการตรวจสอบยอดทำได้โดยง่ายและลดความเสี่ยงจากการถูกประเมิน

บทสรุปและคำแนะนำเบื้องต้น

การบริหารภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับกิจการให้เช่าพื้นที่ตลาดนัดต้องอาศัยความรอบคอบและระบบเอกสารที่ชัดเจน หากปฏิบัติตามแนวทางที่แนะนำ จะช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มความน่าเชื่อถือ และทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง

หากคุณต้องการให้เราช่วยประเมินสถานะภาษีเริ่มต้น ให้ทีม Fahthong Accounting ช่วยทำการวิเคราะห์ยอดขายรวม เตรียมเอกสาร และออกแบบระบบบัญชีที่เหมาะสมกับขนาดตลาดของคุณ

ติดต่อ Fahthong Accounting
311/2 หมู่ที่ 6 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
โทร 094-981-2888, 093-379-8488
อีเมล fahthongacc@gmail.com
LINE @fahthongacc
เว็บไซต์ https://fahthongacc.com

 

ข้อมูลในบทความเป็นคำแนะนำทั่วไป กรุณาปรึกษาที่ปรึกษาด้านภาษีหรือ Fahthong Accounting สำหรับคำแนะนำที่เหมาะกับสถานการณ์ของธุรกิจคุณ

© Fahthong Accounting