การยื่นภาษีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ต้องทำอย่างไร
โครงการคนละครึ่งเป็นนโยบายที่ทางรัฐบาลจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน จึงมีร้านค้าจำนวนมากเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งการมีรายได้ไม่ว่าช่องทางใดก็จำเป็นต้องเสียภาษีอย่างถูกต้องด้วยเช่นกัน สำหรับร้าน้ค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งทุกแห่งลองมาศึกษาข้อมูลอย่างถูกต้องว่าต้องดำเนินการยื่นภาษีร้านค้าอย่างไร
รายได้ที่เจ้าของร้านจะได้รับเมื่อเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง
สำหรับรายได้ที่ทางเจ้าของร้านจะได้รับแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ซึ่งแต่ละส่วนจะต้องมีการนำมาคำนวณร่วมกันเพื่อเป็นรายได้ทั้งหมด ดังนี้
ส่วนที่ 1 รายได้จากการที่ลูกค้าชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
ส่วนที่ 2 เงินสนับสนุนจากทางภาครัฐที่จ่ายให้ (เงินคนละครึ่ง)
ส่วนที่ 3 รายได้อื่น ๆ ที่เจ้าของร้านมี เช่น เงินเดือน, คอมมิชชั่น, ค่านายหน้า, ค่าวิชาชีพอิสระ, ค่าเช่า, เงินปันผล ดอกเบี้ย, เงินจากการรับเหมา หรือเงินสด เงินโอนที่ได้รับจากการจัดจำหน่ายสินค้า / บริการ เป็นต้น
รูปแบบการยื่นภาษีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง
อย่างที่กล่าวไปว่าเมื่อมีรายได้แล้วก็ต้องดำเนินการยื่นภาษีตามกฎหมาย โดยรายได้จากการเปิดร้านค้าให้ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8) ซึ่งรายได้ทั้ง 3 ส่วนจะต้องนำมาร่วมกันแล้วแบ่งเป็นการยื่นภาษี ดังนี้
- ยื่นภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94)
เป็นการยื่นภาษีรายได้ในครึ่งปีภาษีที่ผ่านมา (รายได้ตั้งแต่เดือนมกราคม – มิถุนายน) โดยเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (5) ไปจนถึง มาตรา 40 (8) เช่น ค่าเช่า, ค่าวิชาชีพอิสระ, การรับเหมา, การประกอบธุรกิจร้านค้า ยื่นได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – กันยายน
- ยื่นภาษีสิ้นปี (ภ.ง.ด. 90)
เป็นการยื่นภาษีรายได้ตลอดปีภาษีที่ผ่านมา โดยเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (1) ถึง มาตรา 40 (8) ซึ่งผู้ที่ยื่นครึ่งปีไปแล้วจะนำเอาภาษีนั้นมาหักออกไปได้ ยื่นตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม ในปีภาษีถัดไป
- ยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ. 20)
สำหรับร้านค้าใดที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องทำการจดทะเบียนผู้ประกอบการที่มีภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน หรือร้านค้าไหนมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้วก็ต้องยื่นภาษีในส่วนนี้ด้วย มีเงื่อนไขคือ ต้องชำระภาษีทุกเดือนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
สำหรับช่องทางในการเสียภาษีในยุคนี้สามารถดำเนินการได้ง่ายขึ้นด้วยการเสียภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ เข้าไปยัง www.rd.go.th ตามวัน-เวลาที่กำหนดเอาไว้
อย่างที่กล่าวไปว่าการเสียภาษีเป็นเรื่องของทุกคน ยิ่งถ้าร้านค้าไหนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งต้องดำเนินการให้ถูกต้อง มิเช่นนั้นจะมีค่าปรับตามกฎหมายด้วย คงไม่มีใครอยากเสียเงินเพิ่ม หรือทำเรื่องให้ยุ่งยากกว่าเดิมแน่นอน